บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เครดิตบูโรเตรียมนิรโทษกรรมลูกหนี้ติดแบล็คลิสออกจากระบบ

เครดิตบูโรเตรียมนิรโทษกรรมลูกหนี้ติดแบล็คลิสออกจากระบบ ดีใจผุดๆ เลยงานนี้

  เมื่อได้รู้ข่าวว่า "เครดิตบูโรเตรียมนิรโทษกรรมลูกหนี้ติดแบล็คลิสออกจากระบบ" เครดิตบูโรบล็อก ก็ขออนุญาตมาแจ้งอภิมหาข่าวดีของลูกหนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อเครดิตบูโร เตรียมปลดแบล็คลิสลูกหนี้กว่า 6 แสนราย ออกจากระบบ ต้องบอกว่า งานนี้ คสช. ได้ใจลูกหนี้ไปเต็มๆ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ติดแบล็คลิสกับ สถาบันการเงินต่างๆ  คสช. คืนความสุขให้คนไทยอีกครั้ง ด้วยการนิรโทษกรรมลูกหนี้ค้างชำระ ติดแบล็คลิส เกินกว่า 8 ปี  เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่ามันไม่ใช่แค่ข่าว ก็แจ้งที่มาเป็นการรับประกันว่า "ปลดแบล็คลิส" ได้จริงๆ แล้วครับ

     ข่าวนี้ ถูกเปิดเผยจาก นายรณดล  นุ่มนนท์  ผู้ช่วยผู้ว่าการ  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายกำกับสถาบันการเงิน   ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต และทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต  เปิดเผยว่า คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ระยะเวลาการส่งข้อมูลสมาชิกบริษัทข้อมูล เครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเราเรียกกันว่า "เครดิตบูโร" (NCB) โดย กำหนดให้สมาชิกส่งข้อมูลลูกหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน หรือลูกหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอล เป็นระยะเวลา 5 ปี ให้แก่เครดิตบูโร โดยเครดิตบูโรเองก็จะแสดงข้อมูลลูกหนี้ต่อไปอีก 3 ปี รวมระยะเวลาที่ข้อมูลลูกหนี้ปรากฏในฐานะข้อมูลเครดิตบูโร รวม 8 ปี ข้อมูลหลังจากนี้จะลบออกจากระบบ แทนหลักเกณฑ์ปัจจุบันที่กำหนดให้สมาชิกส่งข้อมูลลูกหนี้จนกว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้จนเสร็จ

   "เนื่องจากคณะกรรมการเครดิตบูโรเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมามีลูกหนี้รายย่อย จำนวนหนึ่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติต้มยำกุ้ง ในปี 2541 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นหนี้เอ็นพีแอล และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบ ถึงแม้ว่าจะผ่านกระบวนการฟ้องร้องไปแล้ว และส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่มีมูลค่าไม่มาก แต่ตามเกณฑ์เดิม ประวัติว่าเป็นหนี้เสียจะโชว์อยู่ตลอดไปในข้อมูลเครดิตบูโร ทำให้ไม่สามารถที่จะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ และทำให้ส่วนหนึ่งจำเป็นต้องไปก่อหนี้นอกระบบ ซึ่งการลบข้อมูลประวัติการเป็นหนี้ส่วนนี้ จะช่วยให้ลูกหนี้เหล่านี้กลับมากู้หนี้ในระบบได้ จึงถือเป็นหนทางในการดูแลหนี้นอกระบบในทางอ้อมด้วย" 
    ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า การปรับหลักเกณฑ์ระยะเวลาการส่งและจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้เกิดความ เป็นธรรมและลดอุปสรรคในการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ ในขณะเดียวกัน จะยังคงเป็นประโยชน์ให้สถาบันการเงินสมาชิกเครดิตบูโร มีข้อมูลและระยะเวลาเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติกรรมการชำระหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลของลูกหนี้ โดยหลังจากประกาศดังกล่าวลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีลูกหนี้ที่ได้รับการลบประวัติการเป็นหนี้เสียทันทีในประเทศ 6 แสนราย

   สำหรับปฏิกริยาของสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นเจ้าหนี้ 6 แสนราย มาดูกันซักเล็กน้อยครับว่า มีความคิดเห็นอย่างไร สำหรับ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยนางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า การปรับหรือเปลี่ยนหลักเกณฑ์ดังกล่าวนั้น ในแง่ผู้บริโภคหรือลูกหนี้รายย่อยๆ ที่มีหนี้วงเงินไม่มาก จะได้รับประโยชน์ เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถเข้าสู่ระบบสถาบันการ เงินได้ใหม่อีกครั้ง เพราะไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบเครดิตบูโร ก็สามารถขอสินเชื่อได้ แต่อีกนัยหนึ่งก็เหมือนการผลักให้คนก่อหนี้เพิ่ม
    ในแง่ของสถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จะทำงานได้ยากมากขึ้น เนื่องจากจะไม่สามารถเช็กประวัติการชำระหนี้ของลูกค้าได้ภายหลังจาก 8 ปี ทำให้การพิจารณาสินเชื่อค่อนข้างยาก จึงเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น ในอนาคตจะเห็นต้นทุนทางเครดิตเพิ่ม เช่น ลูกค้าบางรายยังถูกบันทึกประวัติหนี้อยู่ และวันหนึ่งหายไป ซึ่งจะมีผลให้ธนาคารจะแข่งขันในเรื่องของราคาของความเสี่ยงมากขึ้น และลูกค้าจะต้องแบกรับต้นทุนความเสี่ยงดังกล่าว ขณะเดียวกันจะเห็นแนวโน้มการบังคับคดี หรือการผ่อนผันลูกค้าทำในขั้นตอนกระบวนการที่เร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อการถูกลบประวัติทิ้ง
    "ก่อนหน้านี้ก็มีการพูดคุยบ้างเรื่องการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งปัจจุบันข้อสรุป 8 ปี ในแง่ลูกค้ารายย่อยและระบบ ถือเป็นเรื่องดี เพราะลูกค้าเป็นหนี้เอ็นพีแอลก็สามารถเคลียร์ประวัติและตั้งต้นใหม่ได้ แต่ควรแยกประเภทธุรกิจ ในส่วนของการมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และควรทำควบคู่กับกฎหมายอื่นๆ เพราะหากทำแบบเหมารวม จะทำให้คนประวัติดีและถูกบันทึกปะปนกันหมด แบงก์ก็แยกไม่ออกสุดท้ายก็จะมาลงที่ความเสี่ยงเครดิตได้"

     นอกจากเรื่องที่ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ระยะเวลาการส่งข้อมูลให้กับเครดิตบูโร จากเดิม ส่งข้อมูลลูกหนี้จนกว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้จนเสร็จ เป็น รวมระยะเวลาที่ข้อมูลลูกหนี้ปรากฏในฐานะข้อมูลเครดิตบูโร รวม 8 ปี ก็ยังมีประกาศกำหนดให้สหกรณ์ และชุมนุมสหกรณ์ทุกประเภทเป็นสถาบันการเงิน ตามมาตรา 3 (9) แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 เพื่อให้สหกรณ์ และชุมนุมสหกรณ์ทุกประเภทมีคุณสมบัติในการเข้าเป็นสมาชิกบริษัทข้อมูลเครดิต แห่งชาติ (เครดิตบูโร) ได้  แต่ในเบื้องต้นยังเป็นระบบสมัครใจก่อน โดย ธปท.และเครดิตบูโร จะไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสหกรณ์แต่ละรายถึงผลดี ผลเสียและการส่งข้อมูลอีกครั้ง

  คำถาม  จะรู้ได้อย่างไร คุณคือ 1 ใน 6 แสนราย
  คำตอบ  ลูกหนี้ที่มี ประวัติการค้างชำระหนี้เกิน 90 วันอยู่ในฐานข้อมูลของเครดิตบูโรครบ 8 ปี จะถูกลบประวัติการค้างหนี้ออกจากระบบ ...แต่...ยอดหนี้ยังคงเดิม ไม่มีการลบทิ้งหรือล้างข้อมูลออกไปแต่อย่างใด ....ชัดเจนนะครับ ลบประวัติ แต่ไม่ลบหนี้

  คำถาม  แล้วลูกหนี้นอกจาก 6 แสนราย จะได้สิทธิอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
  คำตอบ  สำหรับลูกหนี้เอ็นพี แอลอื่นๆ หรือลูกหนี้ค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน (มีข้อมูลในระบบยังไม่ครบ 8 ปี) ยังไม่ได้ชำระหนี้สินต่อธนาคารสมาชิก ต่อจากนี้ขอให้ส่งข้อมูลต่อเนื่อง มาให้เครดิตบูโรเป็นระยะเวลา 5 ปี และหลังจากนั้นเครดิตบูโรจะแสดงข้อมูลลูกหนี้ที่เป็นหนี้เอ็นพีแอลต่อไปอีก 3 ปี ทำให้รวมระยะเวลาที่ข้อมูลลูกหนี้ ปรากฏในฐานข้อมูลของเครดิตบูโรรวมทั้งสิ้น 8 ปี หลังจากนั้นจะลบประวัติออกไปตามหลักเกณฑ์ใหม่ต่อไป  อ่านมาถึงตรงนี้ สำหรับท่านที่ค้างชำระ ....ผมว่าท่านคงพอคิดออกนะครับ ว่าจะทำยังไงต่อไป
   ==>> แต่อย่างไรก็ตาม ธปท. หรือเครดิตบูโรบล็อกเอง ไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการเบี้ยวหนี้ ไม่ชำระหนี้ หนีหนี้ แต่อย่างใดนะครับ 
   ส่วนกรณีลูกหนี้ที่เคยเป็นหนี้เอ็นพีแอล แต่ได้ชำระจนครบจำนวนแล้ว แต่ยังต้องมีการแสดงข้อมูลเคยเป็นหนี้ต่อไปอีก 3 ปี ซึ่งมีผลต่อการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์นั้น ในขณะนี้คณะกรรมการเครดิตบูโร กำลังพิจารณาว่าควรปรับลดเวลาลงหรือไม่ หรือจะยังไงต่อไป ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติม เครดิตบูโรบล็อกจะแจ้งข่าวให้ทราบกันต่อไปครับ

  คำถาม  จะมีผลเมื่อใด
  คำตอบ  หลังจากลงในราชกิจจานุเบกษา

   นอกจากนั้น คณะกรรมการเครดิตบูโร ยังได้ออกประกาศกำหนดให้สหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ทุกประเภท เป็นสถาบันการเงินตามมาตรา 3 (9) แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 เพื่อให้สหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ทุกประเภท ซึ่งมีอยู่ด้วยกันในขณะนี้ 8,000 แห่ง ซึ่งมีลูกหนี้ทั้งสิ้นกว่า 11 ล้านราย สามารถเข้าเป็น สมาชิกข้อมูลเครดิตได้ แต่ในเบื้องต้นยังเป็นระบบสมัครใจก่อน โดย ธปท.และเครดิตบูโร จะไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสหกรณ์แต่ละรายถึงผลดี ผลเสียและการส่งข้อมูลมาในระบบ  ขอบคุณสำหรับการติดตาม...เครดิตบูโรบล็อก
 http://clearbl-creditbureaus.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แนะนำรวมหนี้ ที่บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด

ทางออกของคนเป็นหนี้แล้วไม่รู้จะหาแหล่งรวมหนี้ได้ที่ไหนที่นี่เลยคับ


บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ให้บริการสินเชื่อสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงินจากภาระหนี้สิน

บริษัทฯจะช่วยบริหารจัดการหนี้สินของลูกค้า ให้สามารถชำระหนี้อย่างสบายใจและหมดภาระหนี้สิน

ในระยะเวลาที่แน่นอนด้วยแผนการชำระหนี้สินใหม่ พร้อมลดต้นลดดอก

สนใจติดต่อเราทันที โทร. 02-575-1949  Fax. 02-575-1951

Email : contact@rway.co.th


คุณสมบัติของผู้สมัคร/ผู้ค้ำ/ผู้กู้ร่วม    

- มีหนี้มากกว่า 1 สัญญาและเป็นหนี้ที่ผิดสัญญา หรือถูกยกเลิกสัญญาแล้ว

- สามารถหาบุคคลค้ำประกันได้ กรณีวงเงินกู้สูง
* ทางบริษัทรีโซลูชั่น เวย์ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาหนี้ปกติ

เอกสารประกอบการพิจารณา    

- สำเนาใบแจ้งหนี้ หรือ สำเนาหนังสือทวงหนี้

- สำเนาคำฟ้อง หรือสำเนาหมายศาล หรือเอกสารการเป็นหนี้อย่างอื่น

- สำเนาบัตรประชาชน/สำเนาทะเบียนบ้าน

- สำเนาบัญชีธนาคารนับจากปัจจุบัน ย้อนหลัง 1-3 เดือน

- เอกสารประกอบแหล่งที่มาของรายได้ (เป็นเอกสารแบบใดก็ได้)

ที่มา http://www.rway.co.th/

การเอาตัวรอดจากการเป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิต

ประเมินสถานการณ์ทางการเงินของคุณ
1) ตรวจสอบทรัพย์สินของคุณ
ขั้นตอนแรกในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนของสถานการณ์ทางการเงินของคุณทั้งหมด เริ่มต้นด้วยการมองหาที่สินทรัพย์ของคุณซึ่งสามารถกำหนดเป็นเพียงสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของ สินทรัพย์ที่เป็นที่มาของความแข็งแกร่งทางการเงิน พวกเขามักจะมีค่าใด ๆ ที่คุณมีในบ้านของคุณเงินสดในการตรวจสอบหรือบัญชีออมทรัพย์มูลค่าใด ๆ ที่คุณมีในรถและเงินใด ๆ ในการเกษียณอายุหรือการลงทุนบัญชี

    สินทรัพย์ยังสามารถรวมของมีค่าอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นเงินที่คุ้มค่าเช่นเครื่องประดับ, ของสะสม พิจารณาทรัพย์สินที่มีค่าของคุณเพื่อให้ผู้ประเมินราคาหรือการวิจัยพวกเขาออนไลน์เพื่อให้คุณสามารถรู้ว่าทรัพย์สินของคุณมีความคุ้มค่าจริงๆ วิธีการที่ถ้าคุณตัดสินใจที่จะขายพวกเขาคุณจะรู้ว่าถ้าคุณได้รับการจัดการที่ดี
    สร้างคอลัมน์บนแผ่นกระดาษที่แสดงรายการสินทรัพย์เหล่านี้และค่านิยมของพวกเขา ที่ด้านล่างรวมถึงค่าที่จะตรวจสอบสิ่งที่มูลค่ารวมของสินทรัพย์ของคุณคือ
    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่วิธีการที่จะทำให้รายการของสินทรัพย์ส่วนบุคคล

2)ตรวจสอบหนี้สินของคุณ
หนี้สินหมายถึงหนี้ของคุณหรืออื่น ๆ อีกมากมายเพียงแค่ "สิ่งที่คุณเป็นหนี้" พวกเขาอยู่ตรงข้ามของสินทรัพย์ หนี้สินรวมหนี้บัตรเครดิตวงเงินสินเชื่อ, จำนอง, ค่าใช้จ่ายที่ค้างชำระเงินกู้ยืมของนักเรียนและสินเชื่อรถยนต์ของคุณ

    โดยใช้ชิ้นเดียวกันของกระดาษที่คุณใช้สำหรับรายชื่อของสินทรัพย์ที่สร้างคอลัมน์ที่แสดงรายการหนี้สินทั้งหมดของคุณและค่าของพวกเขา ที่ด้านล่างของคอลัมน์รวมผลรวมของหนี้สินรวมของคุณ

3)การคำนวณมูลค่าสุทธิของคุณ 
มูลค่าสุทธิของคุณเป็นเพียงสินทรัพย์รวมของคุณหักด้วยหนี้สินของคุณ นี่คือตัวเลขที่แสดงถึงวิธีการที่เหลือถ้าคุณมีการขายสินทรัพย์ทั้งหมดของคุณที่จะชำระหนี้ของคุณและเป็นตัวเลขที่ดีที่จะอธิบายถึงสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันของคุณ

    ตัวอย่างเช่นถ้าคุณมี  10,000 ในสินทรัพย์ (อาจจะในส่วนของบนรถของคุณ) และ  50,000 ในรูปแบบต่างๆของหนี้ถ้าคุณจะขายรถของคุณและใช้เงินเพื่อการชำระหนี้ลดลงของคุณคุณจะมี  40,000 ในตราสารหนี้ ดังนั้นมูลค่าสุทธิของคุณจะเป็น -  40,000
    รู้มูลค่าสุทธิของคุณจะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเลือก ยกตัวอย่างเช่นมันอาจจำเป็นต้องขายสินทรัพย์เพื่อตอบสนองความเจ้าหนี้ถ้าคุณอยู่ในตราสารหนี้หรือเงินฝากออมทรัพย์ที่จะใช้สะสมเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน โดยปกติแล้วสินทรัพย์ใด ๆ ที่ไม่แน่นอนเป็นหลักอาจจะขายเพื่อตอบสนองความจำเป็นหนี้ ยกตัวอย่างเช่นการขายรถเพื่อชำระบัตรเครดิตสามารถปรับปรุงการจัดอันดับเครดิตของคุณลดการชำระหนี้ของคุณทุกเดือนและได้รับเจ้าหนี้ปิดหลังของคุณ
    แม้ในระหว่างการดำเนินการล้มละลายเจ้าหนี้และศาลอาจเรียกร้องให้คุณขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็นบางอย่างก่อนที่หนี้สินของคุณสามารถตัดสิน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่จะขายออกสินทรัพย์เหล่านี้ก่อน.

4)ตรวจสอบรายได้ของคุณ 
เมื่อคุณรู้ว่ามูลค่าสุทธิของคุณก็คือตอนนี้จำเป็นที่จะต้องมองไปที่รายได้และค่าใช้จ่ายของคุณ รู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยคุณตรวจสอบหรือไม่ว่ามูลค่าสุทธิของคุณมีการหดตัวหรือการเจริญเติบโตและมีผลกระทบต่อเส้นทางของการกู้คืน รายได้ค่อนข้างง่ายในการคำนวณโดยเพิ่มด้วยกันแหล่งที่มาของรายได้ใด ๆ และทั้งหมด สำหรับคนส่วนใหญ่นี้จะเป็นค่าจ้างของพวกเขาจากการทำงานและการชำระเงินใด ๆ ของรัฐบาลตามปกติ (เช่นการรักษาความปลอดภัยทางสังคมหรือรูปแบบอื่น ๆ ของความช่วยเหลือ)

    อย่าลืมใส่หักเงินอัตโนมัติที่จำเป็นเพื่อให้ตัวเลขรายได้ของคุณแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่เงินสดมากคุณจริงต้องพร้อมที่จะใช้ การหักภาษีใด ๆ รวมถึงการประกันหรือเงินถือไว้จาก paycheck ของคุณ

5)ตรวจสอบค่าใช้จ่ายของคุณ
 เพื่อที่จะบรรเทาวิกฤตทางการเงินของคุณคุณจะต้องมีความคิดที่ดีเกี่ยวกับการที่และวิธีการที่คุณจะใช้จ่ายเงินของคุณ วิธีที่ดีที่สุดในการกำหนดเท่าใดเงินที่คุณมีการใช้จ่ายคือการทบทวนงบบัญชีธนาคารของคุณจากสองเดือนที่ผ่านมา ทำให้รายการของเท่าใดเงินที่คุณใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภค, อาหาร, ที่อยู่อาศัย, แก๊ส, เครื่องแต่งกายและความบันเทิง เมื่อคุณรู้ว่าเงินของคุณไปคุณสามารถทำการปรับเปลี่ยนมุ่งสู่การลดลงของจำนวนเงินที่คุณใช้จ่ายเพื่อที่คุณจะได้รับกลับมาที่เท้าของคุณ.

6)ตรวจสอบรายได้สุทธิรายเดือนของคุณ 
หากคุณลบค่าใช้จ่ายจากรายได้ของคุณจำนวนเกิดเป็นรายได้สุทธิของคุณ นี้แสดงให้เห็นว่าคุณได้ที่เหลือในตอนท้ายของเดือน ถ้าจำนวนนี้เป็นลบก็เป็นสัญญาณว่าการลดค่าใช้จ่ายของคุณจะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญของแผนโดยรวมของคุณเพื่อเรียกคืนทางการเงินของคุณเป็นอยู่ที่ดี

    แต่ถ้ารายได้สุทธิรายเดือนของคุณเป็นลบเพราะคุณจะได้รับจำนวนเงินที่มีขนาดเล็กมากของรายได้ในแต่ละเดือนก็จำเป็นมากขึ้นในการเพิ่มรายได้ของคุณมากกว่าที่ตัดค่าใช้จ่ายของคุณ

7)การประเมินผลกระทบของสถานการณ์ของคุณ
เพื่อที่จะกระตุ้นให้ตัวเองจะได้รับจากวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้คุณจะต้องเตือนตัวเองว่าทำไมคุณต้องการที่จะปรับปรุงสถานการณ์ของคุณ ในคำอื่น ๆ สิ่งที่คุณจะไม่สามารถที่จะทำเพราะสถานการณ์ในปัจจุบันของคุณหรือไม่ เป็นจริงเกี่ยวกับเป้าหมายในชีวิตของคุณและคำนวณค่าใช้จ่ายในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น คิดเกี่ยวกับวิธีเพียงแค่นั่งอยู่หลังและทรุดตัวลงนั่งสถานการณ์ทางการเงินใหม่ของคุณจะทำร้ายคุณและคนรอบข้างคุณในระยะยาว

    ตัวอย่างเช่นถ้าคุณมีเด็กและต้องการที่จะวันหนึ่งให้พวกเขามีโอกาสที่จะไปเรียนที่วิทยาลัยคิดเกี่ยวกับวิธีการที่คุณจะไม่สามารถทำเช่นนั้นจนกว่าคุณจะหันไปรอบ ๆ สถานการณ์ปัจจุบันของคุณ